ตัวอย่างเพื่อประกอบความเข้าใจเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน

 ตัวอย่างเพื่อประกอบความเข้าใจเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน ฉบับปรับปรุง

http://www.fap.or.th/subfapnews.php?id=544

มา

ด้วย สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับหนังสือหารือจำนวนมากเกี่ยวกับวิธีการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับประมาณการ หนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสีย สาธารณะ (Non-Publicly AccountableEntities)เช่น จะต้องพิจารณาตั้งประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานสำหรับต้นทุนบริการ ที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะที่เกิดขึ้นก่อนปี 2554 และต้องปรับปรุงงบการเงินย้อนหลังหรือไม่ หากต้องปรับงบการเงินย้อนหลังสำหรับค่าใช้จ่ายพนักงานในอดีต (ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ)
การปฏิบัติในช่วงการเปลี่ยน แปลง จะมีทางเลือกเพิ่มเติมนอกจากวิธีปรับปรุงงบการเงินย้อนหลังหรือไม่ จะถือมูลค่าประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานที่วัดโดยใช้ วิธีคิดลดแต่ละหน่วยที่ประมาณการไว้ (ProjectedUnitCreditMethod)เป็นจำนวนประมาณการผลประโยชน์ของพนักงานหลังออก จากงานที่ดีที่สุดตามย่อหน้าที่ 311โดยไม่เปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 19เรื่อง ผลประโยชน์ของพนักงาน ในหมายเหตุประกอบงบการเงินได้หรือไม่ประมาณการผลประโยชน์ของพนักงานหลังออก จากงานอย่างไรจึงจะถือได้ว่าเป็นจำนวนประมาณการที่ดีที่สุด

สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดทำตัวอย่างการคำนวณและการบันทึกบัญชีที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของ พนักงานหลังออกจากงานเผยแพร่เพื่อประกอบความเข้าใจ และประกอบการพิจารณาในทางปฏิบัติ
โดยตัวอย่างที่จัดทำขึ้นมีวัตถุประสงค์ เพื่อบรรเทาปัญหาในทางปฏิบัติ และช่วยเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันของผู้ปฏิบัติและผู้สอบบัญชี ตลอดจนหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ตัวอย่างดังกล่าวเป็นเพียงแนวทางหนึ่งในการนำไปปฏิบัติเพื่อบันทึก บัญชีตามข้อกำหนดของมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้ เสียสาธารณะ

สำหรับมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มี ส่วนได้เสียสาธารณะซึ่งให้ถือปฏิบัติกับงบการเงินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่ เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2554 ย่อหน้าที่ 391สำหรับการปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลง ระบุว่า “ให้กิจการรับรู้ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีจากการนำมาตรฐานการ รายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะฉบับนี้มาถือ ปฏิบัติ โดยการปรับงบการเงินย้อนหลัง เว้นแต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถระบุจำนวนเงินของผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่รอบ ระยะเวลาบัญชีหรือไม่สามารถระบุจำนวนเงินของผลกระทบสะสมที่เกิดจาก
การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีได้ ให้ใช้วิธีเปลี่ยนทันทีเป็นต้นไป”

คำถามและคำตอบเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน

1. ในอดีตไม่มีมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสีย สาธารณะ และกิจการไม่เคยพิจารณาตั้งประมาณการหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของ พนักงาน ดังนั้นเมื่อนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสีย สาธารณะมาใช้ครั้งแรกกิจการจะต้องพิจารณาตั้งประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ พนักงานก่อนปี 2554และพิจารณาปรับปรุงงบการเงินย้อนหลังหรือไม่

คณะ กรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีมีความเห็นว่าหากพิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว เมื่อนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ มาใช้ครั้งแรกกิจการจะต้องตั้งประมาณการหนี้สินผลประโยชน์พนักงานก่อนปี 2554และพิจารณาปรับปรุงงบการเงินย้อนหลัง

2. ในกรณีที่นำมาตรฐานการการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสีย สาธารณะมาใช้ครั้งแรกและจะต้องพิจารณาปรับงบการเงินย้อนหลังสำหรับค่าใช้ จ่ายพนักงานในอดีต (ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ)การปฏิบัติในช่วงการเปลี่ยนแปลง จะมีทางเลือกเพิ่มเติมนอกจากวิธีปรับปรุงงบการเงินย้อนหลังหรือไม่ (กิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะมี 4ทางเลือกสำหรับการนำมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 19มาใช้ครั้งแรก)

คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีมีความเห็น ว่ามาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 19เรื่อง “ผลประโยชน์ของพนักงาน” นั้น มีทางเลือกสำหรับวิธีปฏิบัติในช่วงของการเปลี่ยนแปลงไว้ 4ทางเลือก สำหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะในกรณีที่กิจการนำมาตรฐานการการรายงาน ทางการเงินที่ได้รับการจัดทำขึ้นตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่าง ประเทศอย่างเต็มรูปแบบมาใช้เป็นครั้งแรก ดังนั้น จึงควรมีทางเลือกสำหรับการปฏิบัติในช่วงของการเปลี่ยนแปลง 4ทางเลือก ให้กับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะเช่นกัน ดังนี้

การปฏิบัติในช่วงเปลี่ยนแปลง
กิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
กิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
หมายเหตุ

รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายทันที
x
x
ตามประกาศสภาวิชาชีพบัญชี ฉบับที่ 29/2554เรื่อง คำอธิบายเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดของมาตรฐานการรายงานทางการเงิน สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ

รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายตามวิธีเส้นตรงภายในระยะเวลา 5ปี
x
-
ทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ

ปรับกับกำไรสะสม ณ วันต้นงวดของรอบระยะเวลาบัญชีปี 2554
x
-
ทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ

ใช้วิธีปรับปรุงงบการเงินย้อนหลัง
x
x
ตามมาตรฐานมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ





3. กรณีที่กิจการเคยรับรู้ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน ไว้บางส่วน ก่อนที่มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ มีผลบังคับใช้ กิจการต้องทำอย่างไร

3.1 หากประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานที่คำนวณได้ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงานปัจจุบันสูงกว่าประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของ พนักงานหลังออกจากงานที่คำนวณได้ในรอบบัญชีก่อน กิจการสามารถเลือกใช้เลือกทางตามที่กล่าวไว้ในข้อที่ 2

3.2 หากประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานที่คำนวณได้ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงานปัจจุบันต่ำกว่าประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของ พนักงานหลังออกจากงานที่คำนวณได้ในรอบบัญชีก่อน
ให้กิจการกลับรายการ ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานและรับรู้เป็นรายได้ในงบ กำไรขาดทุน พร้อมทั้งเปิดเผยจำนวนเงินของการกลับรายการในหมายเหตุประกอบงบการเงิน



4. ในกรณีที่กิจการเลือกจัดประเภทค่าใช้จ่ายตามหน้าที่แล้ว กิจการต้องแสดงค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานอย่างไร

4.1 ในกรณีที่ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับต้นทุนแปลงสภาพหรือต้นทุนอื่นๆ ให้กิจการแสดงรายการค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนสินค้าคงเหลือตามย่อหน้าที่ 89

4.2 ในกรณีที่ค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับต้นทุนของสินค้า ให้กิจการแสดงรายการค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน เป็นรายการค่าใช้จ่ายในการขาย หรือค่าใช้จ่ายในการบริหาร โดยพิจารณาถึงหน้าที่ที่พนักงานได้ให้บริการ

5. หากบริษัทใหญ่ในต่างประเทศระบุให้บริษัทย่อยวัดมูลค่าประมาณการหนี้สินผล ประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานโดยใช้วิธีคิดลดแต่ละหน่วยที่ประมาณการไว้ (ProjectedUnitCreditMethod)โดยมีการว่าจ้างนักคณิตศาสตร์ประกันภัยเพื่อ คำนวณหนี้สินที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์พนักงาน หากบริษัทย่อยเลือกใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วน ได้เสียสาธารณะสำหรับงบการเงินตามกฎหมาย (StatutoryFinancialStatements)

5.1 บริษัทย่อยจะถือมูลค่าประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน ที่วัดโดยใช้วิธีคิดลดแต่ละหน่วยที่ประมาณการไว้เป็นจำนวนประมาณการผล ประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานที่ดีที่สุดตามย่อหน้าที่ 311โดยไม่เปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 19เรื่อง ผลประโยชน์ของพนักงาน ในหมายเหตุประกอบ
งบการเงินที่เกี่ยวข้องกับข้อ สมมติหลักในการประมาณตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ใช้ ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน เช่น อัตราคิดลดอัตราการหมุนเวียนของพนักงาน อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนที่คาดไว้ และข้อสมมติในการประมาณการตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยอื่นๆ ที่เป็นสาระสำคัญที่นำมาใช้)ได้หรือไม่ (เนื่องจากย่อหน้าที่ 312ระบุว่า
“หากกิจการประสงค์จะรับรู้ประมาณการหนี้สินสำหรับผลประโยชน์ของพนักงานตามแนวทางที่กำหนดในมาตรฐาน
การรายงานทางการเงินของไทย (TFRSs)ให้กิจการปฏิบัติตามข้อกำหนดทุกข้อในมาตรฐานการรายงานทางการเงินนั้นอย่างสม่ำเสมอ”

คณะ กรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีมีความเห็นว่า วัตถุประสงค์ของมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสีย สาธารณะ คือ การประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยที่ไม่มีต้นทุนสูงมากจนเกินไป ดังนั้น หากบริษัทย่อยที่จัดทำงบการเงินตามกฎหมายโดยวัดมูลค่าประมาณการหนี้สินผล ประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานโดยใช้วิธีคิดลดแต่ละหน่วยที่ประมาณการไว้ ก็พิจารณาได้ว่าเป็นการประมาณการที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง นอกจากนี้ หากกิจการไม่ประสงค์จะเปิดเผยข้อมูลตามมาตรฐานการบัญชี
ฉบับที่ 19ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ก็สามารถกระทำได้

5.2 หากบริษัทใหญ่รับรู้ผลกำไรขาดทุนจากการประมาณการตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยไปยังกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นและบริษัทย่อยใช้มาตรฐานการ รายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ แต่มาตรฐาน
การ รายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะบทที่ 4เรื่อง การนำเสนองบการเงิน วรรคที่ 31.2ระบุให้กิจการจัดทำงบกำไรขาดทุน เพื่อแสดงถึงผลการดำเนินงานของกิจการสำหรับงวด ดังนั้น กิจการจะต้องรับรู้ผลกำไรขาดทุนจากการประมาณการตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ไปยังงบกำไรขาดทุนหรือไปยังส่วนของเจ้าของ

คณะกรรมการกำหนดมาตรฐาน การบัญชีมีความเห็นว่า หากกิจการถือว่าการประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานที่ วัดโดยวิธีคิดลดแต่ละหน่วยที่ประมาณการไว้เป็นจำนวนประมาณการผลประโยชน์ของ พนักงานหลังออกจากงานที่ดีที่สุดตามย่อหน้าที่ 311 แล้วให้กิจการรับรู้ผลกำไรขาดทุนจากการประมาณการตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ทั้งหมดในงบกำไรขาดทุน



5.3 กรณีที่กิจการให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยคำนวณผลประโยชน์พนักงาน กิจการจะเลือกรับรู้ผลกำไรขาดทุนจากการประมาณการตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย โดยใช้วิธีขอบเขตได้หรือไม่

คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีมีความ เห็นว่า กิจการไม่สามารถเลือกรับรู้ผลกำไรขาดทุนจากการประมาณการตามหลักคณิตศาสตร์ ประกันภัยโดยใช้วิธีขอบเขตได้ เนื่องจากกิจการมิได้ใช้ข้อกำหนดของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 19เรื่อง ผลประโยชน์ของพนักงาน ในการวัดมูลค่าผลประโยชน์ของพนักงาน

หากกิจการถือว่าการประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานที่วัดโดยวิธีคิดลด
แต่ ละหน่วยที่ประมาณการไว้ เป็นจำนวนประมาณการผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานที่ดีที่สุดตามย่อหน้า ที่ 311 แล้ว กิจการต้องรับรู้ผลกำไรขาดทุนจากการประมาณการตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ทั้งหมดในงบกำไรขาดทุน

6. มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะมีข้อ กำหนดให้กิจการรับรู้ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานที่ เป็นไปตามหลักการรับรู้รายการในย่อหน้าที่ 304 ด้วยจำนวนประมาณการที่ดีที่สุดของรายจ่ายที่ต้องนำไปจ่ายชำระภาระผูกพันใน ปัจจุบัน ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงานดังนั้น ประมาณการผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานอย่างไรจึงจะถือได้ว่าเป็นจำนวน ประมาณการที่ดีที่สุด

คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานการบัญชีมีความเห็นว่า วัตถุประสงค์ประการหนึ่งของมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มี ส่วนได้เสียสาธารณะ คือ การที่กิจการสามารถประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานได้ อย่างน่าเชื่อถือโดยไม่มีต้นทุนสูงเกินไป ดังนั้น หากมีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่กิจการ
จะสูญเสียทรัพยากรที่มีประโยชน์ เชิงเศรษฐกิจต่อกิจการเพื่อจ่ายชำระหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจาก งาน ก็ให้กิจการประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานโดยไม่จำเป็น ต้องคำนึงถึงตัวแปรดังต่อไปนี้

1) การเพิ่มขึ้นของเงินเดือนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต (สมมติว่าเงินเดือนปัจจุบันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าพนักงานปัจจุบันจะ ได้รับผลประโยชน์หลังออกจากงาน)

2) การให้บริการของพนักงานที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต (สมมติว่าการเลิกจ้างพนักงานปัจจุบันและพนักงานใหม่เกิดขึ้นในรอบบัญชี ปัจจุบัน)

3) การเสียชีวิตของพนักงานปัจจุบันที่อาจเกิดขึ้นขณะให้บริการนับแต่วันสิ้น สุดรอบระยะเวลารายงานจนถึงวันที่คาดว่าพนักงานจะได้รับผลประโยชน์หลังออกจาก งาน (สมมติว่าพนักงานปัจจุบันทั้งหมด
จะได้รับผลประโยชน์หลังออกจากงาน)

7. กิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ หมายถึงกิจการที่ไม่เข้าคำนิยามในย่อหน้าที่ 6 เท่านั้นหรือไม่

กิจการ บางแห่งแม้ว่าจะไม่เข้าคำนิยามของตามย่อหน้าที่ 6 แต่อาจจะไม่สามารถใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วน ได้เสียสาธารณะ เช่น บริษัทย่อยได้รับเงินกู้ยืมจากบริษัทใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้เพียงแห่งเดียวหรือเป็นแหล่งเงินกู้ที่สำคัญ และบริษัทใหญ่มีตราสารทุนที่มีการซื้อขายต่อประชาชน จะถือได้ว่าบริษัทย่อยดังกล่าวไม่สามารถใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ

ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน

ตัวอย่าง

1) นาย ก เริ่มทำงานกับกิจการตั้งแต่วันที่ 1มกราคม 2538

2) นาย ก ทำงานให้กับกิจการเป็นระยะเวลา 15ปี (จนถึงสิ้นรอบปี 2553)

3) นาย ก จะเกษียณอายุในอีก 5ปี ข้างหน้า

4) กิจการกำหนดให้ลูกจ้างเกษียณอายุเมื่ออายุ 60 ปี

5) กิจการกำหนดให้ลูกจ้างเกษียณอายุเมื่ออายุ 60 ปี ถือเป็นการเลิกจ้างอย่างหนึ่ง

6) กิจการต้องจ่ายเงินเป็นผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานให้นาย ก ตามอัตราที่กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน 10 เดือน

7) หนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานคำนวณขึ้นจากเงินเดือนปัจจุบัน 10 เดือน และอัตราการหมุนเวียนของพนักงานได้ดังนี้

รอบระยะเวลาบัญชี
เงินเดือนปัจจุบัน
(หน่วย :บาท)
อัตราการหมุนเวียนของพนักงาน
หนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลัง
ออกจากงาน (หน่วย :บาท)

2552
10,000
30%
100,000 x70%x14/20 =49,000

2553
12,000
20%
120,000 x80%x15/20 =72,000

2554
15,000
10%
150,000 x90%x16/20 =108,000

2555
20,000
10%
200,000 x90%x17/20 =153,000



ต้นทุนบริการในปัจจุบันเป็นดังนี้

รอบระยะเวลาบัญชี
ต้นทุนบริการ (หน่วย :บาท)

2553
72,000 – 49,000 =23,000

2554
108,000 – 72,000 =36,000

2555
153,000 – 108,000 =45,000





การบันทึกรายการในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2554

ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ

ทาง เลือกที่ 1รับรู้ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการ เงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะจำนวน 72,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายของรอบระยะเวลาบัญชีปี 2554 ทั้งจำนวน

เดบิต ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน

–ต้น ทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับ กิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ 72,000

เครดิต ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงาน

หลังออกจากงาน 72,000



ทาง เลือกที่ 2รับรู้ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการ เงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะจำนวน 72,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายตามวิธีเส้นตรงภายในระยะเวลา 5ปีนับจากวันที่นำมาตรฐานการบัญชีนี้มาใช้(ในตัวอย่างนี้ กิจการเลือกรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายตามวิธีเส้นตรงเป็นระยะเวลา 5ปี)

เดบิต ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน

– ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ 14,400

เครดิต ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงาน

หลังออกจากงาน 14,400



ทาง เลือกที่ 3รับรู้ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการ เงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะจำนวน 72,000 บาท โดยปรับกับกำไรสะสม ณ วันต้นงวดของรอบระยะเวลาบัญชีปี 2554

เดบิต กำไรสะสม – ต้นรอบบัญชี 2554 72,000

เครดิต ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงาน

หลังออกจากงาน 72,000

ทาง เลือกที่ 4รับรู้ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการ เงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะจำนวน 72,000 บาท โดยใช้วิธีปรับปรุงงบการเงินย้อนหลัง

เดบิต กำไรสะสม – ต้นรอบบัญชี 2553 49,000

กำไรสะสม – ต้นรอบบัญชี 2554 23,000

เครดิต ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงาน

หลังออกจากงาน 72,000

นอก จากนี้ กิจการต้องปรับปรุงงบกำไรขาดทุนและงบแสดงฐานะการเงินของรอบบัญชี 2553 ย้อนหลังเสมือนหนึ่งว่ากิจการได้รับรู้หนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออก จากงานมาตั้งแต่ต้น โดยกิจการต้องแสดงค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานในงบกำไรขาด ทุนของรอบบัญชี 2553 เป็นจำนวน 23,000 บาท และประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงานในงบแสดงฐานะการเงิน ของรอบบัญชี 2553 เป็นจำนวน 23,000 บาท



ต้นทุนบริการในปัจจุบัน

ไม่ ว่ากิจการจะใช้ทางเลือกใดในการรับรู้ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการ ประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสีย สาธารณะ การบันทึกต้นทุนบริการในปัจจุบันสำหรับปี 2554 และ 2555 เป็นดังนี้

ปี 2554

เดบิต ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน

– ต้นทุนบริการในปัจจุบัน 36,000

เครดิต ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงาน

หลังออกจากงาน 36,000

ปี 2555

เดบิต ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน

– ต้นทุนบริการในปัจจุบัน 45,000

เครดิต ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงาน

หลังออกจากงาน 45,000

นอก จากนี้ หากกิจการเลือกรับรู้ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐาน การรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะเป็นค่าใช้จ่าย ตามวิธีเส้นตรงภายในระยะเวลา 5ปีนับจากวันที่นำมาตรฐานการบัญชีนี้มาใช้ การบันทึกต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทาง การเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะสำหรับปี 2555-2558 เป็นดังนี้



เดบิต ค่าใช้จ่ายผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน

– ต้นทุนบริการที่ยังไม่รับรู้ก่อนการประกาศใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ 14,400

เครดิต ประมาณการหนี้สินผลประโยชน์ของพนักงาน

หลังออกจากงาน 14,400