คำชี้แจงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล - สภาวิชาชีพบัญชี
รอบรั้วสภาวิชาชีพบัญชี
คำชี้แจงเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล
http://www.fap.or.th/subfapnews.php?id=541
ตาม
ที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเรื่อง
มาตรการภาษีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เมื่อวันที่ 11
ตุลาคม 2554 โดยเห็นชอบให้ปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากอัตรา ร้อยละ
30 ลงเหลือร้อยละ 23 ของกำไรสุทธิ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2555
ที่สิ้นสุดในหรือหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2555 และร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิ
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป
เพื่อ
ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
รัฐบาลได้ตราพระราชกฤษฎีกาตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยก
เว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 530) พ.ศ. 2554
ซึ่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวกำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไร
สุทธิเป็นระยะเวลาสามรอบระยะเวลาบัญชี จากอัตราร้อยละ 30 เหลือ อัตราร้อยละ
23 สำหรับหนึ่งรอบระยะเวลาบัญชีแรกที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2555
และร้อยละ 20
ของกำไรสุทธิสำหรับสองรอบระยะเวลาบัญชีถัดมาที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1
มกราคม 2556
เป็นที่เชื่อได้ว่ารัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้อัตราภาษีไม่สูงไป
กว่าร้อยละ 20 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม
2558 เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้น
ทั้งนี้เนื่องจากอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (ร้อยละ
30) เป็นอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียน และคณะรัฐมนตรี
มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและจูงใจการลง
ทุนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนจากต่างประเทศ
การประกาศลด
อัตราภาษีดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อการวัดมูลค่าสินทรัพย์ภาษีเงินได้
รอการตัดบัญชี และหนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี
เนื่องจากมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 12 เรื่อง ภาษีเงินได้ ย่อหน้าที่ 47
กำหนดให้กิจการวัดมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี
ด้วยอัตราภาษีสำหรับงวดที่กิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์และ
หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีในงวดที่กิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์จาก
สินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีหรือในงวดที่กิจการคาดว่าจะจ่ายชำระ
หนี้สิน โดยใช้อัตราภาษีที่มีผลบังคับใช้อยู่
หรือที่คาดได้ค่อนข้างแน่ว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในสิ้นรอบระยะเวลารายงาน
สภา
วิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้พิจารณาในเรื่องนี้แล้ว มีความเห็นว่า
อัตราภาษีที่คาดได้ค่อนข้างแน่ที่ควรนำมาใช้ในการวัดมูลค่าของสินทรัพย์และ
หนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี
ควรเป็นอัตราร้อยละตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ กล่าวคืออัตราร้อยละ 23
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2555 และร้อยละ 20 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2556
เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น