รับทำบัญชี บริษัท จำกัด
รับทำบัญชี ห้างหุ้นส่วนจำกัด
รับทำบัญชี ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
รับทำบัญชี ห้างหุ้นส่วนสามัญ
รับทำบัญชี คณะบุคคล
รับทำบัญชี ร้านค้า
รับทำบัญชี นิติบุคคลอาคารชุด
รับทำบัญชี สมาคม
รับทำบัญชี นิติบุคคล หมู่บ้าน
รับทำบัญชี มูลนิธิ
บริษัท เอสซีพีการบัญชีกรุ๊ป จำกัด รับทำบัญชี,ตรวจสอบบัญชี,จดทะเบียนบริษัท,จดทะเบียนห้างหุ้นส่วน,และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจ โทรติดต่อ 083-4923837 คุณสมนึก
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554
วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554
การวางแผนภาษีอากรมีประโยชน์
หากผู้ประกอบการรายใด ต้องการที่จะประสบผลสำเร็จโดยได้รับผลกำไรสูงสุด แต่อยากเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดแล้ว ผู้ประกอบการนั้นจะต้องศึกษาหาความรู้ด้านภาษีให้ได้เยอะที่สุด และที่สำคัญจะต้องคำนึงถึงภาระทางภาษีอากร ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ เพราะหมายถึงภาระค่าใช้จ่าย ของธุรกิจที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ดังนั้นการวางแผนทางภาษีอากร จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อการปฏิบัติในทางภาษีอากรให้เป็นไปโดยถูกต้องและ ครบถ้วน ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อธุรกิจดังนี้
1.ช่วยให้การเสียภาษีอากรเป็นไปโดยถูกต้องครบถ้วนตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขทางภาษีตาม ที่กฎหมายกำหนดแต่ทั้งนี้จะต้องเป็นจำนวนที่น้อยที่สุดโดยไม่อาศัยการ หลีกเลี่ยงภาษีอากร
2. ช่วยขจัดปัญหาในการเสียภาษีของธุรกิจ
3. ประหยัดหรือลดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการเสียภาษี ไม่ถูกต้อง ซึ่งหมายถึง เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าปรับทางอาญา
4. ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แต่ละประเภทให้เต็มที่ และถูกต้อง
5.ช่วยลดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน ที่ไม่จำเป็นและไม่ได้มาตรฐานเพราะการดำเนินงานทางด้านเอกสารหลักฐานทาง ธุรกิจจะสอดคล้องกันระหว่างทางธุรกิจและภาษีอากร
6. ช่วยให้คลายความกังวลต่อการถูกเรียกตรวจสอบ
7.ช่วยเสริมสร้างระบบการควบคุม ภายในให้มีประสิทธิภาพได้เพราะในขั้นตอนของการวางแผนภาษีจะต้องศึกษาแนวทาง ปฏิบัติงานของธุรกิจให้ละเอียดถี่ถ้วนซึ่งจะช่วยให้เห็น ปัญหาที่เกิดขึ้นและแก้ไขไปในคราวเดียวกัน
หมายเหตุ การวางแผนภาษีมิใช่การหลีกเลี่ยงหรือหนีการเสียภาษีแต่เป็นดำเนินงานภายใต้ข้อกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่กำหนดไว้ในกฎหมายทางภาษี
วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554
การคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ออกแทนให้
1. ออกให้ตลอดไป
สูตรคำนวณ = จำนวนเงินได้ที่จ่าย x อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย / (100 - อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย)
ตัวอย่าง จ่ายค่าบริการ จำนวน 20,000 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ภาษีออกให้ตลอดไปคำนวณ ดังนี้ |
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายออกให้ตลอดไป = 20,000x3/(100-3) = 618.56 บาท |
เงินได้ที่ถือเป็นฐานในการคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย = 20,000+618.56 = 20,681.56 บาท |
เมื่อคูณอัตราภาษี 3% ก็จะได้ภาษีหัก ณ ที่จ่าย = 20,618.56x3% = 618.56 บาท |
ภาษีที่ออกแทนให้ ผู้รับเงินค่าจ้างต้องถือรวมเป็นเงินได้ ดังนั้นในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย |
ต้องกรอกเงินได้ 20,681.56 บาท ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 618.56 บาท |
จำนวนเงินที่ผู้ให้บริการจะได้รับจริง = 20,618.56 - 618.568 = 20,000 บาท |
2. ออกให้ครั้งเดียว สูตรคำนวณ = (จำนวนเงินได้ที่จ่าย + ภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ออกให้ครั้งเดียว) x อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ต้องนำภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามอัตราภาษีปกติบวกกับจำนวนเงินได้ที่จ่าย แล้วนำผลรวมมาคูณอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายอีกครั้ง จึงจะเป็นภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ออกให้ครั้งเดียว |
ตัวอย่าง จ่ายค่าบริการ จำนวน 20,000 บาท ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ภาษีออกให้ครั้งเดียวคำนวณ ดังนี้ |
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายตามอัตราปกติ = 20,000x3% = 600 บาท |
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายออกให้ครั้งเดียว = (20,000+600)x3% = 618 บาท |
เงินได้ที่ถือเป็นฐานในการคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่าย = 20,000+600 = 20,600 บาท |
เมื่อคูณอัตราภาษี 3% ก็จะได้ภาษีหัก ณ ที่จ่าย = 20,600x3% = 618 บาท |
ในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องกรอกเงินได้ = 20,600.00 บาท ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 618 บาท |
จำนวนเงินที่ผู้ให้บริการจะได้รับจริง = 20,600 - 618 = 19,982 บาท |
* กิจการออกภาษีให้ครั้งเดียว 600 บาท ส่วนอีก 18 บาท กิจการต้องหักจากผู้รับจ้าง |
วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554
เงื่อนไขการหักภาษี ณ ที่จ่าย
1.ต้องเป็นการจ่ายเงินตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป การจ่ายเงินได้พึงประเมินที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องมีจำนวนตามสัญญารายหนึ่งๆ มีจำนวนเงินตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป แม้การจ่ายนั้นจะได้แบ่งจ่ายครั้งหนึ่งๆ ไม่ถึง 1,000 บาทก็ตาม คำว่า “1,000 บาท” เป็นเงินได้ที่จ่ายยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.การหักภาษี ณ ที่จ่ายต้องยึดเกณฑ์เงินสด เมื่อ ไหร่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายที่มักจะมีข้อโต้แย้งกันเป็นประจำ การหักภาษี ณ ที่จ่าย จะยึดเกณฑ์เงินสด หมายความว่า จ่ายเงินวันใดต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในวันนั้น ซึ่ง แบ่งออกเป็น
2.1 การจ่ายเงินสด หากจ่ายเงินสดวันใดต้องหักภาษี ณ วันที่จ่าย
2.2 การจ่ายเป็นเช็คหรือตั๋วเงิน หาก การจ่ายเงินเป็นเช็คหรือตั๋วเงินจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามวันที่ที่ปรากฏสั่งจ่ายบนเช็คหรือตั๋วเงิน โดยไม่สนใจว่าผู้รับเงินจะมารับเช็คหรือตั๋วเงินหรือไม่ก็ตาม
3.การออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เมื่อมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากผู้รับเงิน หน้าที่ของผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นหลักฐานให้กับผู้รับเงิน โดยออกให้ทันทีที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ยกเว้นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1)และ (2) ผู้จ่ายเงินต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ของปีถัดไป
4.การนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย นำส่งภาษีที่ตนมีหน้าที่ต้องหักตามแบบที่อธิบดีกำหนด ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่นั้นภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน ไม่ว่าจะหักภาษีไว้แล้วหรือไม่
ที่มา : วารสารธรรมนิติ
2.การหักภาษี ณ ที่จ่ายต้องยึดเกณฑ์เงินสด เมื่อ ไหร่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายที่มักจะมีข้อโต้แย้งกันเป็นประจำ การหักภาษี ณ ที่จ่าย จะยึดเกณฑ์เงินสด หมายความว่า จ่ายเงินวันใดต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในวันนั้น ซึ่ง แบ่งออกเป็น
2.1 การจ่ายเงินสด หากจ่ายเงินสดวันใดต้องหักภาษี ณ วันที่จ่าย
2.2 การจ่ายเป็นเช็คหรือตั๋วเงิน หาก การจ่ายเงินเป็นเช็คหรือตั๋วเงินจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามวันที่ที่ปรากฏสั่งจ่ายบนเช็คหรือตั๋วเงิน โดยไม่สนใจว่าผู้รับเงินจะมารับเช็คหรือตั๋วเงินหรือไม่ก็ตาม
3.การออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เมื่อมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากผู้รับเงิน หน้าที่ของผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นหลักฐานให้กับผู้รับเงิน โดยออกให้ทันทีที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ยกเว้นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1)และ (2) ผู้จ่ายเงินต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ของปีถัดไป
4.การนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย นำส่งภาษีที่ตนมีหน้าที่ต้องหักตามแบบที่อธิบดีกำหนด ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่นั้นภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้พึงประเมิน ไม่ว่าจะหักภาษีไว้แล้วหรือไม่
ที่มา : วารสารธรรมนิติ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)