พระราชกำหนดยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรพ.ศ. 2558
(๑) ต้องเป็นบริษัทฯที่เสียภาษีจากกำไรสุทธิ
(๒) บริษัทฯจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาและมีมีกำหนดครบสิบสองเดือนโดยวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่เกิดขึ้นก่อนหรือในวันที่ 31 ธันวาคม 2558
(๓) ได้รับยกเว้นจากการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมินหรือสั่งให้เสียภาษีและความผิดอาญาตามประมวลรัษฎากร สำหรับรายได้หรือมูลค่าของฐานภาษี รายรับหรือการกระทำตราสารก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 แต่ไม่ใช้บังคับ กรณีถูกดำเนินก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 ดังต่อไปนี้
(๓.๑) ถูกตรวจสอบโดยมีหมายเรียก
(๓.๒) ไม่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าพนักงานประเมิน
(๓.๓) เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีปลอมหรือเป็นผู้ใช้ใบกำกับภาษีปลอมหรือกระทำการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีโดยแสดงรายจ่ายอันเป็นเท็จต่อกรมสรรพากร
(๓.๔) ไม่อยู่ระหว่างดำเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน ชั้นพนักงานอัยการหรือชั้นศาล
(๔) การยกเว้นตามข้อ 3 จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข
(๔.๑) ทำการจดแจ้งต่อกรมสรรพากรตามแบบแจ้งขอเป็นผู้ประกอบการตามพระราชกำหนดฯ ตั้งแต่ 15 มกราคม 2559 ถึง 15 มีนาคม 2559
(๔.๒) ต้องยื่นแบบแสดงรายการพร้อมชำระภาษีตามประมวลรัษฎากรภายในกำหนดเวลาสำหรับภาษีตั้งแต่ 1 มกราคม 2559
(๔.๓) จัดทำบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการตั้งแต่ 1 มกราคม ๒๕๕๙
(๔.๔) ไม่กระทำการใดที่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากร
(๕) อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งเพิกถอนการได้รับการยกเว้นตามข้อ 3 แล้ว ให้ถือว่าบริษัทฯ ไม่เคยได้รับยกเว้นการใดตามพระราชกำหนด
ที่มา facebook.com/taxationdotcom
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น